มีผู้คนที่ใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์กันกว่า 20 ล้านคนทั่วโลกบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
หลายคนคงแปลกใจว่าจดหมายเหล่านี้หาเส้นทางเดินไปยังปลายทางได้ถูกต้องอย่างไร
ทำไมเครือข่ายอินเทอร์เน็ตจึงขยายได้อย่างไม่มีวันจบสิ้น
และการใช้งานบนเครือข่ายยังคงแพร่หลายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอีกมาก
รู้จักกับตู้จดหมาย
(mailbox)
ก่อนที่จะรู้จักกับอีเมล์ควรมาทำความรู้จักกับตู้จดหมายของตัวเองก่อน
mbox หรือ mailbox คือ ตู้จดหมายของตนเอง
เมื่อผู้ใช้มีชื่อยูสเซอรือยู่บนเครื่องหลักที่ต่ออยู่กับอินเทอร์เน็ต
ก็จะได้รับตู้จดหมายโดยอัตโนมัติ
ตู้จดหมายนี้เป็นที่เก็บจดหมายเมื่อมีผู้ส่งมาให้เรา
ดังนั้นเมื่อเราเริ่มใช้เครื่องขณะใดก็ตาม ก็จะเปิดดูตู้จดหมายว่ามีจดหมายมาเก็บไว้ในตู้จดหมายนี้หรือไม่
สามารถเรียกจดหมายมาดูได้
เมื่อดูเสร็จแล้วจะนำออกจากตู้จดหมายหรือจะฝากเอาไว้ก่อนก็ได้
ตู้จดหมายจึงเสมือนตู้จดหมายจริง ๆ ที่เก็บจดหมายไว้ในเครื่องได้
และเป็นส่วนตัวเฉพาะบุคคลเท่านั้น
ปกติเมื่อเราเป็นผู้ใช้บนอินเตอร์เน็ตเราจะได้ชื่อแอดเดรสของการอ้างอิงบนอินเตอร์เน็ต
และเราสามารถกำหนดชื่อนี้เป็นอีเมล์แอดเดรสได้ เช่น somsak@nwg.nectec.or.th
ชื่อนี้มีสองส่วนคือส่วนหน้า @
และส่วนที่อยู่ข้างหลัง @
ส่วนหน้าหมายถึงตู้จดหมาย
ซึ่งถือได้ว่าเป็นชื่อตู้จดหมาย ซึ่งผู้ใช้ชื่อยูสเซอร์นี้เป็นเจ้าของ
ส่วนเครื่องที่ตู้จดหมายเก็บไว้จะมีชื่อเครื่อง ซึ่งในที่นี้ก็คือส่วนที่อยู่หลัง @
คือ nwg.nectec.or.th
แอดเดรสของคุณคืออะไร
เมื่อคุณเริ่มเป็นสมาชิกในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
สิ่งหนึ่งที่คุณได้รับคือมีชื่อยูสเซอร์บนเครื่องหลักเครื่องใดเครื่องหนึ่ง ณ เครื่องหลักนี้คุณได้ชื่อยูสเซอร์
จึงเสมือนว่าคุณมีแอดเดรสอยู่บนเครื่องหลักที่ตั้งอยู่บนอินเตอร์เน็ต
บนอินเตอร์เน็ตมีการกำหนดแอดเดรสของเครื่องโดยใช้ชื่อ โดเมน เช่น nontri.ku.ac.th
หมายถึงเครื่อง nontri อยู่ในเครือข่าย ku.ac.th ซึ่งหมายถึงเครือข่ายของมหาวิทยาลัยเป็นสถานศึกษาอยู่ในประเทศไทย
เช่นหากได้รหัสชื่อยูสเซอร์เป็น b38bmx ก็หมายถึงว่าคุณมีแอดเดรสเป็น b38bmx@nontri.ku.ac.th ชื่อนี้จะเป็นชื่อที่อ้างอิงได้ทั่วโลก
ทุกจุดบนอินเทอร์เน็ตสามารถหาเส้นทางส่งข่าวสารมาให้ b38bmx@nontri.ku.ac.th
ได้อย่างแน่นอน
ดังนั้นแอดเดรสที่ได้รับจึงหมายถึงชื่อยูสเซอร์บนเครื่องที่อยู่บนอินเตอร์เน็ต
ชื่อนี้จะเป็นสิ่งที่ใช้อ้างอิงได้
การพิมพ์ลงในนามบัตรเพื่อให้ผู้อื่นติดต่อมาจึงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้
และอ้างอิงทั่วถึงกันทั้งหมดบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
การรับส่งเมล์ระหว่างเครื่องใช้โปรโตคอล
SMTP
บนอินเตอร์เน็ตใช้โปรโตคอล TCP/IP เป็นฐานการติดต่อระหว่างกัน บน TCP/IP
มีการกำหนดการรับส่งข้อมูลระหว่างกันในรูปแบบการรับส่งจดหมาย
(เมล์) คือ SMTP SMTP ย่อมาจาก
Simple Mail Transfer Protocol SMTP ได้รับการออกแบบมาให้มีการรับส่งเมล์กันอย่างอัตโนมัติ กล่าวคือ
ในเครื่องหลักที่คุณทำงานจะมีโปรแกรมรับและส่งเมล์ ทำงานเป็นเดมอนโปรเซส
(การทำงานเป็นแบลกกราวนด์โปรเซสคือทำงานตลอดเวลา) เพื่อทำหน้าที่รับและส่งเมล์
เช่นโปรแกรม smail หรือ sendmail
ทำหน้าที่คอยส่งเมล์
ถ้ามีจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ที่จะส่ง ก็จะติดต่อกับปลายทางแล้วยังส่งไม่ได้
ก็จะเก็บจดหมายนั้นไว้ก่อน รออีกสักสองสามชั่วโมงก็จะส่งใหม่อีก
ทำซ้ำจนกว่าจะส่งได้สำเร็ส หากส่งไม่ได้ในสามวันก็จะส่งกลับให้เจ้าของ
พร้อมทั้งบอกเหตุผลของการส่งไม่ได้
โปรโตคอล
SMTP นี้
เป็นโปรโตคอลหลักสำหรับการรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์มาตรฐานบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
ดังนั้นหากในระบบเครือข่ายอื่น เช่นเครือข่ายของไมโครซอฟต์มีการส่งด้วย msmail
โปรแกรม msmail มีโปรโตคอลการส่งของตัวเอง
หากต้องการผ่านเข้ามาทางอินเตอร์เน็ตจะต้องแปลงให้อยู่ในรูปโปรโตคอล SMTP ก่อน เส้นทางการเปลี่ยนนี้เรียกว่า SMTP
เกตเวย์
เมล์บนอินเตอร์เน็ตหาเส้นทางไปได้อย่างไร
การกำหนดแอดเดรสของจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ มีการกำหนด mbox เฉพาะของแต่ละบุคคลที่อยู่บนชื่อเครื่องหลัก
ในการหาเส้นทางจึงกำหนดเป็นลำดับชั้น โดยใช้ชื่อ เช่น s38bmx@cc2.cpe.ku.ac.th
โดยหาเส้นทางจาก .th หมายถึงประเทศไทย .ac หมายถึงสถาบันการศึกษา ku คือมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ cpe คือภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ cc2 คือเครื่องคอมพิวเตอร์หลักของภาควิชา s38bmx
คือ mbox ในเครื่อง cc2
สมมุติว่ามีจดหมายฉบับหนึ่งส่งมาจากอเมริกา
ต้องการมายัง s38bmx@cc2.cpe.ku. ac.th ในขั้นต้นจะส่งผ่านเกตเวย์เข้าประเทศไทย ซึ่งมาจาก uunet เมื่อเข้ามาประเทศไทยก็จะหาตัวให้บริการชื่อโดเมน
ซึ่ง ac.th อยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ก็จะไปขอใช้บริการหาชื่อ ku.ac.th ซึ่งได้เส้นทางมายังมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
จากนั้นจึงมาถามหาหน่วยบริการชื่อโดเมน ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ซึ่งเก็บไว้ที่เครื่อง nontri เครื่อง nontri จะให้เส้นทางเครื่อง cc2.cpe ไป หลังจากนั้นก็จะได้เส้นทางครบจากต้นทางมายัง cc2.cpe
แหล่งที่มา http://web.ku.ac.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น